วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557
ครั้งที่14 วันที่7/02/57
** ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากอาจารย์พาพี่ปี 4 ไปทำกิจกรรมอาสาที่จังหวัด สุราษฏร์ธานี **
ครั้งที่13 วันที่31/01/57
- ไม่ได้มาเรียน เนื่องจากติดกิจกรรมเข้าค่ายนันทนาการที่ จังหวัด สระบุรี
เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ( LD )
1. การดูแลให้ความช่วยเหลือ
2. สร้างความภูมิใจในตนเองให้เกิดกับเด็ก
3. มองหาจุดดี จุดแข็งของเด็กและให้คำชมอยู่เสมอ
4. ให้การเสริมแรงบวก
5. รู้จักลักษณะของเด็กที่เป็นสัญญาณเตือน
6. วางแผนการจัดทำแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็ก
สังเกตติดตามความสามารถ และการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนของเด็ก
การรักษาด้วยยา
Ritalin / Dexedrine /Cylert
การสื่อความหมายทดแทน (Augmentative and Alternative Communication : AAC )
- การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
- โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System : ( PECS ) )
- เครื่องโอภา ( Communication Devies )
- โปรแกรมปราศรัย
หน่วยงานทีให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
- สำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ (สศศ)
- โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์
- ศูนย์การศึกษาพิเศษ ( Early Intervention : EI)
- สถาบันราชานุกูล
ครั้งที่12 วันที่24/01/57
การดูแลรักษาและส่งเสริมพัฒนาการเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
Down’s syndrome
- รักษาตามอาการ
- แก้ไขความผิดปกติที่พบร่วมด้วย
- ให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจําวันได้ อยู่ร่วมในสังคมได้ ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด
- เน้นการดูแลแบบองค์รวม ( holistic approach )
ดูแลรักษา 4 ด้าน
1.ด้านสุขภาพอนามัย
- บิดามารดาให้พาบุตรไปพบแพทย์ตั้งแต่แรก ติดตามรักษาเป็นระยะๆ
2.ส่งเสริมพัฒนาการ
- กลุ่มอาการดาวน์สามารถพัฒนาได้ถ้าได้รับการฝึกสอนที่เหมาะสม
3.การดํารงชีวิตประจําวัน
- ฝึกช่วยเหลือตนเองได้
4.การฟื้นฟูสมรรถภาพ
- การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ เช่น การฝึกพูด กายภาพบําบัด กิจกรรมบําบัด
- การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา โดยจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP)
- การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม เช่น การฝึกทักษะการดํารงชีวิตประจําวัน
- การฟื้นฟูสมรรถภาพทางอาชีพโดยการฝึกอาชีพ
การเลี้ยงดูในช่วง 3 เดือนแรก
- ยอมรับความจริง
- เด็กกลุ่มดาวน์มีพัฒนาการเป็นขั้นตอน เช่นเดียวกับเด็กทั่วไป
- ให้ความรักความอบอุ่น
- การตรวจภายใน ตรวจหามะเร็งมดปากมดลูก และเต้านม
- การปฏิบัติของบิดา มารดา
- การคุมกําเนิดและการทำหมัน
- การสอนเพศศึกษา
- ตรวจโรคหัวใจ
การส่งเสริมพัฒนาการ
- พัฒนาทักษะด้านต่างๆ เช่น คณิตศาสต์และภาษา
- สามารถปรับตัวละช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น
- สังคมยอมรับมากขึ้น ไปเรียนร่วมหรือเรียนรวมได้
- ลดปัญหาพฤติกรรม
- คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาและทำงานได้ดีขึ้น
Autistic
ส่งเสริมความเข้มแข็งครอบครัว
- ครอบครัวมีบทบาทสําคัญที่สุดในกระบวนการดูแลช่วยเหลือเด็กออทิสติกส่งเสริมความสามารถเด็ก
- ทำกิจกรรมที่หลากหลาย
- การเสริมสร้างโอกาสให้เด็กได้เล่นของเล่นที่หลากหลาย
การปรับพฤติกรรมและฝึกทักษะทางสังคม
- เพิ่มพฤติกรรมที่เหมาะสมและลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
- การให้แรงเสริม
การฝึกพูด
- โดยเฉพาะในรายที่มีการพัฒนาการด้านภาษาและสื่อความหมายล่าช้า
- ถ้าเด็กพูดเร็ว โอกาสที่จะพัฒนาการทางภาษาใกล้เคียงกับปกติก็จะเพิ่มมากขึ้น
- ลดการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม
- ช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากการไม่สามารถสื่อสารความต้องการได้
- การสื่อสารความหมายทดแทน
การส่งเสริมพัฒนาการ
1.ให้เด็กมีพัฒนาการเป็นไปตามวัย
2. เน้นในเรื่องการมองหน้า สบตา การมีสมาธิ การฟัง และทำตามคําสั่ง
3. ส่งเสริมพัฒนาการด้านอื่นที่ล่าช้าควบคู่กับการพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร สังคม และการปรับพฤติกรรม
การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
o เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
o แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
o โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
ทักษะการใช้ชีวิตประจําวัน และการฝึกฝนทักษะทางสังคมให้เด็กสามารถทำได้ด้วยตนเองเต็มความสามารถ โดยต้องการความช่วยเหลือน้อยที่สุด
การรักษาด้วยยา
1) Methylphenidate (Ritalin) ช่วยลดอาการไม่นิ่ง/ซน/หุนหันพลันแล่น/ขาดสมาธิ
2) Risperidone /Haloperidol ช่วยลดอาการอยู่ไม่นิ่ง หงุดหงิด หุนหันพลันแล่น พฤติกรรมซ้ำๆ พฤติกรรมก้าวร้าว
3) ยาในกลุ่ม Anticonvulsant (ยากันชัก) ใช้ได้ผลในรายพฤติกรรมที่ทำร้ายตนเอง
การบําบัดทางเลือก
- การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
- ศิลปกรรมบําบัด (Art Therapy)
- ดนตรีบําบัด (Music Therapy )
- การฝังเข็ม (Acupuncture)
- การบําบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)
พ่อ แม่
- ลูกต้องพัฒนาได้
- รักลูกของเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร
- ถ้าไม่รัก แล้วใครจะรัก
- หยุดไม่ได้
- ดูแลจิตใจและร่างกายของตนเองให้เข้มแข็ง
- ไม่กล่าวโทษตนเองหรือคู่สมรส
- ควรหันหน้าปรึกษากันในครอบครัว
วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557
ครั้งที่ 6 วันที่ 13/12/56
แต่ละกลุ่มนำเสนองาน
หัวข้อนำเสนอมีดังนี้
หัวข้อนำเสนอมีดังนี้
1. เด็กออทิส
2. เด็กดาวน์ซินโดรม
3. เด็กสมองพิการ (เด็กซีพี)
2. เด็กดาวน์ซินโดรม
3. เด็กสมองพิการ (เด็กซีพี)
4. เด็กสมาธิสั้น
5. เด็กแอลดี
6. เด็กปัญญาเลิศหรือ IQ สูง
ครั้งที่ 5 วันที่ 6/12/56
พัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
พัฒนาการ
การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่และวุฒิภาวะของอวัยวะต่างๆ สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
- มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน
-พัฒนาการล่าช้าอาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้าน
-พัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลให้พัฒนาการในด้านอื่นล่าช้าไปด้วย
ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการ
1. ปัจจัยด้านชีวภาพ
2. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม
3. ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด
4. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด
สาเหตุที่ทําให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. โรคทางพันธุกรรม
2. โรคทางระบบประสาท
3. การติดเชื้อ
4. ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
5. ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด
6. สารเคมี
ตะกั่ว
แอลกอฮอล์
นิโคติน
7. การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม
แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การซักประวัติ
- โรคประจําตัวต่างๆ
- การเจ็บป่วยในครอบครัว
- โรคทางพันธุกรรม
- ประวัติการฝากครรภ์
- ประวัติเกี่ยวกับการคลอด
- พัฒนาการที่ผ่านมา
- การเล่นตามวัยการช่วยเหลือตนเอง
- ปัญหาพฤติกรรม
- ประวัติอื่นๆ
สรุปเมื่อซักประวัติแล้วจะทําให้สามารถบอกได้ว่า..
1. ลักษณะพัฒนาการล่าช้าดังกล่าวเป็นแบบคงที่ (static) หรือถดถอย (progressive encephalopathy)
2. เด็กมีระดับพัฒนาการช้าจริงหรือไม่ อย่างไร อยู่ในระดับไหน
3. มีข้อบ่งชี้ว่าจะมีสาเหตุจากโรคทางพันธุกรรมหรือไม่
4. สาเหตุของความบกพร่องทางพัฒนาการนั้นเกิดจากอะไร
5. ขณะนี้เด็กได้รับการช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างไร
2. การตรวจร่างกาย
2.1 ตรวจร่างกายทั่วๆไป
2.2 ภาวะตับม้ามโต
2.3 ผิวหนัง
2.4 ระบบประสาทต่างๆ
2.5 ดูลักษณะของเด็กที่ถูกทารุณกรรม (child abuse)
2.6 ระบบการมองเห็นและการได้ยิน
3. การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
4.การประเมินพัฒนาการ
- การประเมินแบบไม่เป็นทางการ
การประเมินที่ใช้ในเวชปฏิบัติ
- แบบทดสอบ Denver II , Gesell Drawing Test
- แบบประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือส่งเสริมพัฒนาการเด็กอายุแรกเกิด - 5 ปี สถาบันราชานุกูล สามารถใช้ในการคัดกรอง ประเมินพัฒนาการและส่งเสริมพัฒนาการ
แนวทางในการดูแลรักษา
1. หาสาเหตุทที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
2. การตรวจค้นหาความผิดปกติร่วม
3. การรักษาสาเหตุโดยตรง
4. การส่งเสริมพัฒนาการ
5. ให้คําปรึกษากับครอบครัว
สรุปขั้นตอนในการดูแลเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การตรวจคัดกรองพัฒนากร (Developmental screening)
2. การตรวจประเมินพัฒนาการ (Developmental assessment)
3. การให้การวินิจฉัยและหาสาเหตุ (Diagnosis)
4. การให้การรักษาและส่งเสริมพัฒนาการ (Treatment and early Intervention)
5. การติดตามและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ (Follow up and evaluation)
สรุป
เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการจะมีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน การ
สังเกตพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก การประเมนิพัฒนาการเด็กเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในเด็กกลุ่ม
เสี่ยงตามสาเหตุที่ทําให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการจะช่วยให้ค้นหาเด็กเหล่านี้ได้เร็วขึ้น
สามารถให้การช่วยเหลือได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพื่อช่วยให้เด็กมีพัฒนาการดีขึ้นตามศักยภาพ
ครั้งที่4 วันที่29/11/56
เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์Children
with behavioral and emotional disorders)
-เด็กที่มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินานๆไม่ได้
-เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนไม่ได้
-ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย
แบ่งได้
2 ประเภท
1.
เด็กที่ได้รับผลกระทบกระเทือนทางอารมณ์
2.
เด็กที่ปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้
เด็กที่ปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้มักมีพฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ
-วตกกังวล
-หนีสังคม
-ก้าวร้าว
การจัดว่าเด็กมีความบกพร่องมฃทางพฤติกรรมและอารมณ์
ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบดังนี้
(1.)
สภาพแวดล้อม
(2.)
ความคิดเห็นของคนแต่ละบุคคล
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเด็ก
-ไม่สามารถเรียนหนังสือในชั้นเรียนปกติ
-รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกับครูไม่ได้
-มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
-มีความคับข้องใจ มีความเก็บกดอารมณ์
-แสดงอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ
ปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย
-มีความหวาดกลัว
เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม
ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก
(1.)
เด็กสมาธิสั้น Children
with Attention Deficit and Hyperactivity Disorders
-เด็กที่ซนอยู่ไม่นิ่ง
ซนมากผิดปกติ เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
-เด็กบางคนมีปัญหาสมาธิบกพร่อง
อาการหุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจ เด็กเหล่านี้ทางการแพทย์เรียกว่า “Attention Deficit Disorder (ADD)”
(2.)
เด็กออทิสติก
หรือเด็กออทิสซึ่ม Autistic/Autisum
ลักษณะเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
-อุจาระ
ปัสาวะ รดเสื้อผ้าหรือที่นอน
-ยังติดขวดนม
ตุ๊กตา และของใช้ในวัยทารก
-ดูดนิ้ว
กัดเล็บ
-หงอยเหงาเศร้าซึม
หนีสังคม
-เรียกร้องความสนใจ
-อารมณ์หวั่นไหวง่ายต่อสิ่งเร้า
-ขี้อิจฉา
ริษยา ก้าวร้าว
-ฝันกลางวัน
-พูดเพ้อเจ้อ
เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
Children with Learning
Disabilities (L.D.) IQ ปกติ
-เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
-เด็กที่มีปัญหาทางการใช้ภาษา การพูด
การอ่าน การเขียน
-ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน
เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย
ลักษณะของเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
-มีปัญหาในทักษะทางคณิตศาสตร์
-ปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้
-เล่าเรื่อง/ลำดับเหตุการณ์ไม่ได้
-มีปัญหาด้านการอ่าน การเขียน
-ซุ่มซ่าม
-รับลูกบอลไม่ได้
-ตัดกระดุมไม่ได้
-เอาแตใจตนเอง
เด็กออทิสติก
Autistic
-หรือ ออทิสซึ่ม
-เด็กที่มีความบกพร่องอย่างรุนแรงในการสื่อความหมาย
พฤติกรรม สังคม และความสามรถทางสติปัญญาในการเรียนรู้
-แต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
-ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
-ทักษะทางภาษา
-ทักษะทางสังคม
-ทักษะการเคลื่อนไหว
-ทักษะการเรียนรู้เกี่ยวกับรูปทรง
ขนาดและพื้นที่
หากระยะห่างของทักษะทางภาษา/สังคม
กับ ทักษะทางการเคลื่อนไหว/รูปทรงขนาดพื้นที่มีมาก อาการของออทิสติกจะมีมากตาม
ลักษณะของเด็กออทิสติก
-อยู่ในโลกของตนเอง
-ไม่เข้าไปหาใครเพื่อปลอบใจ
-ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
-ไม่ยอมพูด
-เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ
-ยึดติดวัตถุ
-ต่อต้าน
หรือ แสดงกริยาอารมณ์รุนแรง และไร้เหตุผล
-มีทีท่าเหมือนคนหูหนวก
-ใช้วิธีการสัมผัส
และเรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยวิธีการที่ต่างจากคนทั่วไป
เด็กพิการซ้อน Children
with Multiple Handisaps
-เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง
เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก
-เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน
-เด็กปัญญ่าอ่อนที่ตาบอด
กิจกรรม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)